ชาวเน็ตแห่ติด #saveจะนะ หลัง คฝ.เข้าสลายการชุมนุม ‘จะนะรักษ์ถิ่น’

ชาวเน็ตแห่ติด #saveจะนะ หลัง คฝ.เข้าสลายการชุมนุม ‘จะนะรักษ์ถิ่น’

ชาวเน็ตร่วมติด #saveจะนะ หลังจากที่ คฝ. เข้าสลายการชุมนุม ‘จะนะรักษ์ถิ่น’ ที่ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อตกลงที่ร่วมเซ็น MOU ตั้งแต่ปี 63 #saveจะนะ – กลายเป็นกระแสร้อนแรงและกลายเป็น #saveจะนะ และมีชาวเน็ตทวีตเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวบนทวิตเตอร์แล้วอย่างน้อยสี่แสนครั้ง หลังจากที่เมื่อช่วง เวลาประมาณ 21.00 น.ที่ผ่านมา ตำรวจ คฝ. ได้เข้าสลายการชุมนุม ประชาชนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ที่ได้รวมตัวกัน ตั้งเต็นท์ กางผ้าใบ ที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล

โดยทวิตเตอร์ของ iLaw ได้ระบุว่า กองร้อยน้ำหวานนำขบวนเข้าสลายชาวบ้าน และประกาศกันสื่อไม่ให้เข้าไปเป็นประจักษ์พยานระหว่างการสลาย ก่อนจะมีการควบคุมตัวขึ้นรถผู้ต้องขัง

เบื้องต้น มีรายงานว่า ตำรวจคุมตัวชาวบ้านไป 36 คน เป็นหญิง 30 คน และชาย 6 คน โดยจะคุมตัวไปที่สโมสรตำรวจ โดยการรวมตัวของกลุ่ม จะนะรักษ์ถิ่น ในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการเรียกร้อง ให้รัฐบาลทำตามข้อตกลงกรณีปัญหานิคมอุตสาหกรรมจะนะให้ครบถ้วน ตามที่ได้รัฐบาลได้ทำบันทึกข้อตกลงไว้กับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ปี 2563

ซึ่งในสัญญาดังกล่าว ระบุว่าจะ 1. ยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ และแก้ไขผังเมืองเอาไว้ก่อน 2. จัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA ร่วมกันก่อน เพื่อหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมร่วมกัน อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลับเดินหน้าโครงการ และเดินหน้าจัดทำผังใหม่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทำ การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ขณะที่กลุ่มประชาชนจาก อ.จะนะ นัดแถลงข่าวในประเด็นที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายชุมนุมในเวลา 10.00 น. ของวันนี้

 โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ขณะนี้โลกของเรากำลังเผชิญหน้ากับ “วิกฤตซ้อนวิกฤต” อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สภาวะเงินเฟ้อพร้อมกับเงินฝืด และความขัดแย้งยูเครน-รัสเซียที่ส่งผลให้ราคาพลังงานโลกและราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าและค่าขนส่งที่มีน้ำมันเป็นต้นทุนการผลิตขยับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย กระทบต่อค่าครองชีพของเราชาวไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามออกมาตรการเร่งด่วน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง เช่น การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ค่าน้ำ-ค่าไฟ)

จับตา! ประยุทธ์ เรียก ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พรุ่งนี้เช้า คาดหามาตรการสกัด โอไมครอน

ประยุทธ์ เรียกประชุมด่วน ศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้เช้า คาดหามาตรการสกัดโควิดโอไมครอน พร้อมสั่งตามตัวนักท่องเที่ยวจากแอฟริกา 783 คน ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงเช้าของวันที่ 3 ธ.ค. 64 ที่ทำเนียบจะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อหามาตรการรับมือและสกัดโควิดโอไมครอน ซึ่งเป็นที่กังวลและจับตากันอยู่ในขณะนี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. เป็นประธานการประชุมด่วน

ขณะเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พึงพอใจภาพรวมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยยอดรวมการให้บริการวัคซีนสะสมอยู่ที่ 93,929,601 โดส เข็มที่ 1 สะสม 48,594,537 โดส เข็มที่ 2 สะสม 41,827,020 โดส เข็มที่ 3 สะสม 3,490,779 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 17,265 โดส

ซึ่งเป็นการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 ธันวาคม 2564 ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายของรัฐบาลที่วางไว้ให้มีการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 นี้ ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่กลุ่มนักเรียน/นักศึกษา ที่มีอายุ 12-18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม-30 พฤศจิกายน 2564 แล้ว กว่า 5,836,791 โดส มากกว่าจำนวนที่เคยได้แจ้งความสมัครใจไว้

“แม้แนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 ไทยมีทิศทางดีขึ้นทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ และผู้เสียชีวิตน้อยลงต่อเนื่อง แต่นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ. ศบค. ยังกำชับหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังไม่ให้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่

ทั้งสกัดการลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย พร้อมทั้งให้เร่งติดตามชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง ที่เคยเดินทางเข้ามาก่อนจะมีประกาศห้ามเข้าประเทศไทย รวมทั้ง เคสชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกา จำนวน 783 ราย ให้เร่งติดตามนำกลับมาทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้งด้วยวิธี RT-PCR เพื่อเป็นการ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมเชิงรุกด้วย” นายธนกร กล่าว

เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย ทั้งวันนี้และวันหน้า ซึ่งหากผลการประชุมของ กพช. เป็นอย่างไร จะสามารถช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง ผมจะได้มารายงานให้ทราบต่อไปครับ

ชาดา เคยสมรสกับ เตือนจิตรา แสงไกร (หย่า) และ อัจฉรา ทองเทพ (หย่า) มีบุตรชายและบุตรสาวทั้งหมด 7 คน เป็นบุตรในสมรส 4 คน และเป็นบุตรนอกสมรสที่รับรองแล้วอีก 3 คน

ชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุทัยธานี สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นประธานคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี เขต 2

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป